ไม่มีวี่แววใดๆมาก่อน ท่ามกลางอากาศที่ร้อนสุดๆ บ่อน้ำก็ยังไม่มีน้ำเลย...รอหน้าฝนนี้แหละ! ยังดีที่ยังพอมีน้ำบาดาลใช้ ยังไงก็คงต้องประหยัดน้ำให้มากที่สุด สงสารต้นไม้ที่เพิ่งเริ่มลง...ยังไม่ทันไรอาการเริ่มออกแล้ว
ช่วงหัวค่ำ..เริ่มรู้สึกชื้นๆ...แต่อบไปด้วยความร้อนเหมือนอยู่ในเซาว์น่า อยู่ดีดี...ลมก็แรง และแรงขึ้น ตามลำดับ...พายุฝนเข้า...ตามด้วยลูกเห็บ ขนาดเท่าลูกกอล์ฟอีกนับพัน...อยู่นานเกือบชั่วโมง
ช่างทุกคนหนีเข้าไต้ถุนบ้านกันหมดเกิดมาไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน
เช้าตรู่...ออกสำรวจความเสียหาย...กระเบื้องมุ้งหลังคาหลายแผ่นหลุดลอยไปไกล บางแผ่นไปไกลกว่า 400 เมตร แต่ที่แปลกรัศมีที่เกิดพายุลูกเห็บเป็นช่วงแคบๆ รัศมีไม่เกินกิโล ถามชาวบ้านละแวกนั้น...บางคนไม่เจอพายุเลย...แปลกมาก มันคงขึ้นกับอุณหภูมิที่พื้นผิวดิน และ อุณหภูมิโดยรอบที่มีความแตกต่างกันมาก เพราะแถวนี้ไม่มีต้นไมใหญ่เลย และดินก็แห้งมาก
เรื่องราวพายุฤดูร้อน
พายุฟ้าคะนองที่เกิดขึ้นในฤดูร้อนหรือเรียกว่าพายุฤดูร้อนจะเกิดขึ้นในช่วง
เดือนเมษายนหรือในช่วงก่อนเริ่มต้นฤดูฝน ขณะที่อุณหภูมิในภาคต่างๆเริ่มสูงขึ้น เนื่องจากแกนของโลกเริ่มเอียงเข้าหาดวงอาทิตย์
และดวงอาทิตย์จะเคลื่อนมาอยู่ที่บริเวณเส้นศูนย์สูตร ทำให้อากาศร้อนอบอ้าวและชื้นในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและตอนบนของภาคกลาง
อากาศที่อยู่ใกล้ผิวพื้นจะมีอุณหภูมิสูง
ประกอบกับลมที่พัดเข้าสู่ประเทศไทยเป็นลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดมา
จากอ่าวไทยและทะเลจีนใต้ ในระยะนี้ถ้ามีลมเหนือ (อากาศเย็น)
พัดลงมาจากประเทศจีนคราวใดจะทำให้อากาศสองกระแสกระทบกัน
ทำให้การหมุนเวียนของอากาศแปรปรวนขึ้นอย่างรวดเร็วและฉับพลัน
เป็นเหตุให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนองอย่างแรงและรวดเร็ว มีฟ้าแลบ (Lightning)
ฟ้าร้อง (Thunder) และฟ้าผ่ารวมอยู่ด้วย
นอกจากนี้มักจะมีลมกระโชกแรงและฝนตกหนักเกิดขึ้น
บางครั้งยังมีลูกเห็บตกลงมาด้วย
พายุฟ้าคะนองนี้เป็นพายุที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาอันสั้นมีน้อยครั้งที่เกิด
ขึ้นนานกว่า 2 ชั่วโมง
โดย
ทั่วไป พายุฤดูร้อนนี้มักเกิดขึ้นในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
เนื่องจากการแผ่ลิ่มของความกดอากาศสูงจากประเทศจีนลงมาบริเวณภาคเหนือและภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือ ดังนั้นในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนและชื้น
มีการยกตัวของมวลอากาศอยู่บ้างแล้ว
แต่เมื่อมีอากาศเย็นจากบริเวณความกดอากาศสูงซึ่งมีลักษณะจมตัวลงและมี
อุณหภูมิต่ำกว่า
ทำให้มวลอากาศร้อนยกตัวขึ้นอย่างรวดเร็วและเมฆคิวมูโลนิมบัส (Cumulonimbus)
ที่ก่อตัวขึ้นก็จะเจริญขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งอุณหภูมิยอดเมฆต่ำกว่า -60
ถึง 80 องศาเซลเซียส จึงทำให้เกิดลูกเห็บตกได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น