1/3/59

นก=อิสระภาพ

Lovebird กับ อิสระภาพที่ฝันหา


รอบครัว " ขวัญ - เรียม "
8.00 PM
เพิ่งได้ รังมะพร้าวมาจากกรุงเทพฯ..กะจะมาจัดบ้านให้ซะหน่อย
เผลอลืมปิดประตูกรง  ลูกๆนกทั้ง10 บินทะยานสู่อิสระภาพ  คงเหลือไว้แต่พ่อนก-แม่นกและน้องๆอีก 4 ตัว
15 นาทีต่อมา..น้องๆ 4 ตัวก็ตามกันออกไป พร้อมพ่อนก "ขวัญ"
9.00 PM
พ่อนก "ขวัญ" บินกลับมาที่กรงส่งเสียงเรียกถาม "เรียม" แม่นก..คาดว่าคงจะมาชวนกันไปเที่ยว " เขาใหญ่ " กับลูกๆทั้ง 14 ตัว  แต่แม่เรียมไม่ยอมออกไปไหน เราก็เลยเปิดประตูกรงทิ้งไว้ทั้งคืน เผื่อจะกลับมานอนรังกับแม่...หลังจากนั้นเราก็เข้านอน

เป็นห่วงนิดหน่อย..แต่เคยดูวิดีโอคนเลี้ยงนกLovebirdแบบปล่อยอิสระได้  ก็เลยคิดว่าคงไม่ไปไหนไกลหรอก  ตราบใดที่ "แม่เรียม" ยังไม่ไปไหน  พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน


เช้า 9 AM
ได้ยินเสียงนกร้องเจี้ยวจ้าวกัน
ออกมาดู...ปรากฏว่านกทุกตัว มารออาหารอยู่หน้าห้องนอนแล้ว ( คงหิวกัน และ คงไม่ได้ไปเที่ยวเขาใหญ่กันหรอก )  เราเลยไปจัดอาหารเช้าให้
2ชุดใหญ่
ชุดนึง..ทานริมระเบียง
และอีกชุด..ไว้ในกรงเหมือนเดิม

บรรยากาศแปลกดี..เหมือนในหนังการ์ตูนดิสนีย์ฯถ้ามีอีกสัก50ตัวคงดี
ใกล้เคียงบรรยากาศเสาชิงช้า
มีนกมาอยู่เป็นเพื่อน
Breakfast ทุกเช้า..คงอารมณ์ดีทุกวัน





อยู่กันได้เกือบเดือน..คงโตเป็นหนุ่มเป็นสาวกันหมดแล้ว
เริ่มจับคู่กันและบางคู่คงแต่งเรือนหอเสร็จแล้ว
ได้ฤกษ์ย้ายออกกลับสู่อ้อมอกธรรมชาติ
"ขอให้มีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง"
ว่างๆก็แวะมาเยี่ยมกันบ้าง
Bye Bye Birds


" เจ้าบ้าน..เจ้าเรือน "



" ศาลพระภูมิ"," ความงมงาย "," ไม่เชื่อ อย่าลบหลู่ "



 ช่วงสักประมาณตี 2 ได้..เห็นผู้เฒ่าแก่มากๆ   เดินสำรวจที่ดินรอบๆบ้าน..ลักษณะผอมเกร็ง..ไว้หนวดยาว..ประมาณนึง    บางคืนก็เดินมาหาช่างที่แคมป์คนงาน..มาบอกว่า "อยากทานหัวหมู" 
และเทียวไปเทียวมาบอกในคืนต่อๆ อีกหลายคืน 

นั้นคือคำบอกเล่าของช่างที่นำมาเล่าให้  " ลุงมัน กับ ป้านาง " ฟัง
หลังจากนั้นอีกไม่กี่คืน..ป้านางก็ฝันเห็นผู้เฒ่าคนนี้อีก และนำความมาเล่าต่อให้เราฟัง 

ประนึงว่ากลัว , ไม่มั่นใจในชีวิต ฯลฯ  
" งานเข้าแล้วเรา "
เราเริ่มคิดว่าไอ้ช่างเนี่ย...มันต้องอยากกินหมูย่างที่ขายหน้าซอย  จนฝันเป็นตุเป็นตะทุกคืนแน่


ลังจากนั้นอีกสองอาทิตย์  ได้มีโอกาสเจอ  ท่านอาจารย์ที่ไปทำพิธีศาลที่ภูเก็ต  เราก็ได้ถามไถ่ท่านอาจารย์   ได้ความว่า แถวๆ"บ้านไร่พอเพียง" มีเจ้าที่เป็นงูใหญ่ ( ไม่ยักจะใช่ชายแก่ คงแปลงร่างได้.. ) 
แต่เราไม่ได้บอกแกหรอกว่าบ้านเราอยู่ที่ไหน

วันต่อมาเรากลับมาที่บ้านไร่..แวะสั่งอาหารหน้าซอย   ถามเจ้าของร้านอาหารว่า
ซื้อศาลที่ไหน , ศาลบูชาใคร , อะไร , ที่ไหน..ถามเป็นชุดเลย ?..แกบอกว่า

" เป็นศาลบูชาเจ้าที่..ซึ่งเป็นศาลงู  แถวพญาเย็นนี้สมัยก่อนเป็นดงงู "  

แต่เราไม่ได้บอกเจ้าของร้านเรื่องที่ท่านอาจารย์บอกหรอก  แต่แปลกใจในเรื่องที่มันบังเอิญฟังดูคล้ายๆกัน

ถึงบ้านเล่าให้ "ป้านาง" เจ้าของความฝันฟัง..แกยิ่งคล้อยตามใหญ่  ไม่เป็นอันจะทำอะไร! 
เรานอนพักสักคืนสักคืน ตื่นเช้ามาใจอ่อนบอกป้าไปว่าจะสร้างศาลพระภูมิให้ก็ได้

" ป้านาง และ ลุงมัน "  ดีใจกันยกใหญ่  แต่ทุกอย่างย่อมมีข้อแม้ว่า 

" ถ้ามีศาลก็ต้องถวายอาหาร ดอกไม้ น้ำ..ทุกวันพระด้วยนะ  และที่สำคัญต้องเก็บไข่ไก่ที่บ้านถวายด้วย  และต้องขอให้เจ้าที่ดูแลไก่ไข่เราด้วย  ไม่ส่งงูเหลือมมานะ..เราจะได้มีไข่ถวายตลอดไง  ! "
เท่านั้นแหละ.. แกก็เป็นปลื้มจนสุดบรรยาย

ามว่าเราเชื่อไหม ?..เราคิดว่าส่วนตัวแล้วจะเชื่อไม่เชื่อไม่รู้สินะ ( นึกไม่ออก ++ )
แต่รู้ว่านับถือพุทธศาสนานะ  แต่ไม่เคยเข้าวัดเข้าวา  ฟังธรรม  หรือ เวียนเทียนหรอก ฯลฯ
( ส่วนใหญ่ไปวัดพอเป็นพิธี..ส่วนใหญ่จะเป็นพิธีศพ...ซะมากกว่า )


ทำไงได้ !  คนเมืองสมัยใหม่ , เรียนสูง , ไม่เคยว่าง , ทำแต่งาน-ใช้แต่เงิน 
( เรียกว่านับถือศาสนา เงิน ดีกว่ามั๊ง..ขายหน้าจริง )

ามว่าดึกๆกลัวมีใครมาหาไหม ?..บอกจริงๆว่าคงกลัวมั๊ง.! ( กลัวคนมากกว่าหน่อย ! ) 
แต่มันไม่เคยมีเกิดอะไรขึ้นหรอก   เพราะพอตกค่ำ...มึนนิดๆ  ก็หลับสบายทุกคืนแล้ว

ไม่เคยเปิดประตูให้ใครมาเข้าฝันหรอก..และเค้าคงรู้แหละว่าเราเป็นที่พึ่งไม่ได้หรอก ( ขนาดตัวเองยังเอาตัวไม่รอดเลย )


แต่ประเด็นมันไม่ใช้ที่เราหรอก
คนที่เขาต้องอยู่เฝ้าบ้านทุกวัน ทุกคืนมากกว่าที่ต้องการ  มันทำให้เขาสบายใจ  มั่นใจ
ชีวิตเราก็หมดปัญหาไปด้วย  สรุปฝันธง...ตั้งศาลก็ตั้ง 
( เห็นไหม..ยังไม่พอเพียงอยู่ดี )

พิธีตั้งศาล " บ้านไร่พอเพียง "


สรุปได้สักที..สมาชิก"บ้านไร่พอเพียง"



จากบนลงล่าง และ จากซ้ายไปขวา

  • แถวบนสุด = ตัวเราเอง , ป้านาง และ ลุงมัน ( คนท้องถิ่น ) , โกโก้
  • แถวกลาง = บัคกี้ , ดีโน่ , หมีน้อย
  • แถวล่าง = ลูกน้ำ , กิ๊บ และ ก๊าบ , ขวัญ เรียม และ ครอบครัว


ลุงมัน และ ป้านาง เป็นเจ้าบ้าน   ส่วนเรานั้นเป็นผู้สังเกตุการณ์ ,  ผู้ทดลอง และ จดบันทึกผลการทดลอง

หัวข้อ  " ชีวิตพอเพียงมีจริงหรือ ? "

ลุงมัน ดูแลพนักงานแจกจ่ายอาหาร และ ดูแลสุขภาพพนักงาน,ทดลองปลูกและดูแลสวนผักและไม้ผลต่างๆ ส่วน ป้านาง ดูแลความสะอาดส่วนบ้านพัก และ ดูแลกระต่ายยักษ์

" จะว่าไป..ทุกชีวิตที่นี่คือ หนูทดลอง รวมทั้งตัวเราด้วยแหละ "

พนักงานแผนกต่างๆ

  • ด้านความปลอดภัย...ห่าน " กิ๊บและก๊าบ "   เฝ้าระวังงู และ ลาดตระเวนรอบคอกไก่ไข่ นอกจากนี้ก็มีสุนัข " หมีน้อย , ลูกน้ำ , ข้าวปุ้น "   ดูแลพื้นที่บริเวณบ้านพัก , สวนกระต่าย และ รอบๆบ้าน
  • ด้านอาหารการกิน...ฝูงไก่ไข่ 20 ตัว  มีหน้าที่ผลิตอาหารไข่ออแกนิค
  • ด้านการเงิน...กระต่ายยักษ์   มีหน้าที่ผลิตลูก หลาน เข้าตลาดสัตว์เลี้ยงน่ารัก
  • ด้านบันเทิง...นก " ขวัญกับเรียม "  มีหน้าขับร้องเสียงประสานให้ความเพลิดเพลิน
ทุกคนต่างมีหน้าที่ของตัวเอง ต้องทำมาหาเลี้ยงชีพนะ

ปัญหา"การสื่อสาร"
คนเราเกิดมาพร้อมกับคำว่า " ทุกข์ " ถ้วนหน้า
ยิ่งเรียนมาก ( 10 - 25 ปี / 1 ชาติ )
ยิ่งรู้มาก...อิสระภาพลดลงๆเรื่อยๆ...กรอบ กฎเกณฑ์ ต่างๆ...ก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
สุดท้ายทั้งชีวิตดิ้นกันไปเพื่อให้หลุดจากบ่วงอะไรก็ไม่รู้...ที่ถูกสอนกันมานี้แหละ++

" เพื่อความอยู่รอดมั๊ง "

ราคือมนุษย์กล่อง..ชีวิตอยู่ในกล่องสีเหลี่ยมรูปทรงเรขาคณิตที่เราคิดว่าสวยมาตลอด
ไม่ได้ซาบซึ้งธรรมชาติใดๆหรอก
ชีวิตแข็งกระด้างของเรา...ได้แต่ชื่นชม  อิฐ หิน ปูน ทราย อะไรเทือกนี้
ทำอะไรก็ต้องรวดเร็วเข้าเป้า..ปิดงาน..ออกรอบ..เที่ยว..ดริงค์ ฯลฯ
( ชีวิต..การใช้สมองเนี่ยมันช่างเหนื่อยจริง )
พอมาอยู่นี่ก็ติดนิสัยเดิม..สั่ง ๆ ๆ อยู่สักสองสามวันก็กลับกรุงเทพฯ
มาอีกครั้งก็หวังจะมาดูผลงาน  ความคืบหน้า  ตามนโยบายที่เราให้ไว้

ผ่านมาเกือบเดือนถึงจะเริ่มเข้าใจ !
เราฝากงานมากมายไว้หนึ่งถึงห้ารายการเป็นอย่างน้อย  มาอีกครั้ง ทำไมมันเสร็จแค่สองรายการ
เราก็เริ่ม  "งงปนหงุดหงิด "  ตามนิสัยผู้บริหารชั้นนำ

คืนนึงมีโอกาสดีเชิญ "ลุงมัน" แกมานั่งดริงค์เปิดใจคุยกัน  ได้ความว่าแกเป็นคนเขมร..แกฟังเราพูดไม่รู้เรื่องหรอกเพราะเราพูดเร็ว  ไทยคำ...อังกฤษสามคำ  ตามสไตล์คนกรุงเทพฯที่นิยมกัน
แล้วแกก็มักจะตอบเราว่า  "คับ ๆ ๆ ๆ"  มาตลอดด้วยความเคยชินเหมือนกัน
เราเลยเปลี่ยนแนวไปสนทนากับ "ป้านาง" แทนที่...ได้ความต่อว่า 

" ลุงแกฟังและพูดไทยได้นิดหน่อย  ส่วนเรื่องอ่าน..เขียน ไม่ต้องพูดถึงเลย "

 ไอ้เราก็เริ่มเครียดขึ้นมาทันทีเพราะเคยฝากให้ใส่ปุ๋ยตัวนู้นนี้ , ให้ยากระต่ายเท่านี้เท่านั้น ! 
" เฮ้ย ! มันจะรอดไหมเนี่ย ? "
ต่โชคดีที่แกไม่ได้ทำหรอก เพราะแกฟังไม่รู้เรื่อง..รอดตัวไปครั้ง..โอเค หันไปพึ่ง " ป้านาง " ดีกว่า
แกว่าแกจบ ป4 พออ่านออกแต่เขียนได้นิดหน่อย..เยี่ยม! แต่ปัญหาก็คือ
ความจำแกเสื่อม..จำอะไรไม่ได้เลย
เพราะสั่งปุ๊บ  แกจะทำปั๊บ...เราเคยบอกว่า " แดดร่มแล้วค่อยทำก็ได้ "
ไม่เคยเอะใจใดๆ คิดในใจนะว่า  " เอ่อ..ขยันดีนะ " 

ที่จริงแกกลัวลืม..ก็เลยรีบทำเท่าที่จำได้ ( ไม่จดบันทึกหรอก )

ถ้าเรากลับ แกไม่รู้จำถามใครก็เลยไม่ทำดีกว่า
โทรศัพท์แกก็ไม่ค่อยใช้ ...ถึงใช้พูดกันก็ไม่ค่อยรู้เรื่องอีก
เหมือนเราพูดอยู่คนเดียว..แกจะไม่ตอบอะไรเลยรู้สึกเหมือนสายหลุดตลอด 
( แหมจะขานว่า ครับ ... คะ  เป็นระยะๆบ้าง ก็ได้นะ + )

WOW ! ...นี้คือปัญหาผู้บริหารระดับสูงจริงๆเนี้ย  "ทำไงดีวะ?" ไม่มีลูกน้องมาต่อยอดด้วย
" ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน " อีกครั้งหนึ่ง

ต่หลังจากผ่านศึก  งานช่างสิบหมู่..จนกระทั่งบ้านหลังนี้เสร็จได้..สภาพจิตมันแข็งแกร่งขึ้นเยอะ
เข้าใจโลก..รู้จักคำว่า " ปล่อยวาง "  หรือ " ปลง " เหมือนกันไหมเนี่ย ?
พัฒนาจิตใจสูงขึ้นอีกระดับแล้ว ( ดีใจมาก ) , ไม่โกรธแล้ว-เข้าใจแล้ว
ต่อไปนี้จะพยายามเข้าใจให้เร็วกว่านี้ , ปรับตัวและสนุกกับปัญหาใหม่ๆ ( หลอกตัวเองหรือเนี๊ย ++ )

ขนาดคุยกับกระต่ายยังรู้เรื่อง...กะอีแค่คนเขมร...ขนม ๆ 

ลังจากเสวนาเสร็จก็สรุปแนวทางการดำเนินการใหม่ดังนี้..เราจะมาบ่อยขึ้น และ ค่อยๆเรียนรู้เรื่องต่างๆไปด้วย..แต่ " ลุงมัน " ต้องสอนภาษาเขมรผม..( ไม่ยอมขาดทุนหรอก..คนกรุงเทพฯนี่ ) เผื่อวันหลังจะได้ใช้ภาษาเขมรเป็นบ้าง..หลังเปิด AEC ( มองการณ์ไกลอีกต่างหาก..ไม่เคยอยู่กับปัจจุบันเลย )

บทเรียนแรก"ทักทายกันแบบ เขมรๆ"
เข้าใจบ้างไหมเนี่ย ?


ข้อสังเกตุ  
ดูแกสองคนก็มีความสุขดีนะ..แต่ติดอยู่ที่ปัญหาสุขภาพพื้นฐาน ที่ดูจะทำให้แกทุกข์ร้อน เพราะสวัสดิการแบบไทยๆมั๊ง
การที่เรียนมาน้อยก็เลยไม่ถูกโปรแกรมว่า"อะไรอร่อย ไม่อร่อย , อะไรดี  ไม่ดี..ฯลฯ " ก็เลยมีความสุขมั๊ง เพราะไม่มีการเปรียบเทียบอะไร ใดๆ   ก็เลยไม่ดิ้นรนมาก
( ถ้าลองให้ทานอะไรแพงๆ..คงเปลี่ยนไปแหละ )
ขนาดกระต่ายมันยังรับรู้ได้เลย..เคยซื้ออาหารนอกให้กินตลอด  พอมาอยู่ต่างจังหวัด
แรกๆให้กินหญ้าท้องถิ่น...ก็ทำเมินกัน ++   แต่สุดท้าย  หิวก็ต้องกิน..อร่อยไปเองแหละ ( ทั้งสด..ไร้สารกันบูดแน่นอน )  ปัจจุบันลองให้อาหารนอก..ก็ไม่สนแล้วละ ++